สารชีวภาพกำจัดเพลี้ย

Wiki Article

เป็นพืชที่รู้จักกันดี ปัจจุบันยิ่งเป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น เพราะสะเดามีคุณประโยชน์ทางด้านกำจัดแมลงศัตรูพืช ทดแทนการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม แต่สะเดาก็มีหลายพันธุ์ดังที่กรมส่งเสริมการเกษตรมีข้อมูลไว้ว่า สะเดา แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ  สะเดาอินเดีย สะเดาไทย สะเดาช้าง หรือต้นเทียม ไม้เทียม
 
ศ.ดร.ขวัญชัย สมบัติศิริ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ เขียนหลักการและวิธีการใช้สะเดาป้องกันและกําจัดแมลงศัตรูพืชไว้ในเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการ ฉบับที่ 1 โครงการเกษตรกู้ชาติ ม.เกษตรศาสตร์ ไว้ว่า เนื้อสะเดามีรสหวาน เป็นอาหารของนก และใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค นํ้ามันสะเดาที่สกัดได้จากเมล็ดในจะนําไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสบู่ ยาสีฟัน เป็นยารักษาเส้นผม เป็นยาคุมกําเนิด (โดยการฉีดนํ้ามันสะเดาเข้าไปในอวัยวะเพศหญิงฆ่าเชื้ออสุจิ) เป็นยารักษาโรคผิวหนัง โรคเรื้อนโรคปวดตามข้อ แผลปวดตามข้อ แผลเป็นหนองแก้พิษแมลงกัดต่อย และใช้เป็นสารฆ่าแมลงบางชนิดภายหลังจากการสกัดนํ้ามันจากเมล็ดสะเดาแล้ว กากที่เหลือสามารถนําไปสกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือนํ้าเพื่อสกัดสารอะซาไดแรคติน (azadirachtin) ใช้ทําเป็นสารฆ่าแมลง กากที่เหลือจากการสกัดครั้งนี้ เรียกว่า นีม เค้ก (neem cake) สารชีวภาพกำจัดเพลี้ย ยังสามารถใช้เป็นประโยชน์อย่างอื่นได้ เช่น ผสมกับกากนํ้าตาลใช้เป็นอาหารสัตว์ เป็นปุ๋ยหรือผสมกับปุ๋ยยูเรียทําเป็นปุ๋ยละลายช้า เป็นสารฆ่าแมลงสารฆ่าโรคพืช และไส้เดือนฝอยบางชนิด

การจัดการแมลงศัตรูพืชตามหลักธรรมชาตินั้น เกษตรกรบางรายอาจเข้าใจถึงการใช้สารสกัดสมุนไพรมาช่วยในการควบคุมแมลงศัตรูพืช ซึ่งถือเป็นวิธีหนึ่งที่อาศัยธรรมชาติเข้าช่วย ซึ่งวิธีนี้เพียงวิธีเดียวไม่สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชได้กับทุกชนิด ซึ่งการจัดการศัตรูพืชยังต้องอาศัยหลักการตามธรรมชาติช่วยในการจัดการ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการใช้ศัตรูแมลงศัตรูพืชที่เป็นตัวห้ำตัวเบียนคอยควบคุมประชากรของแมลงหรือศัตรูพืชอีกขั้นหนึ่ง
ศัตรูแมลงศัตรูพืชเป็นศัตรูที่คอยควบคุมแมลงชนิดต่างๆ โดยส่วนมากจะเป็นสัตว์ผู้ล่าที่คอยจับกินสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร นอกจากนั้น ยังรวมถึงจุลชีพที่สามารถฆ่าแมลงศัตรูพืชได้ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ

one. แมลงศัตรูธรรมชาติที่เข้าจับกินแมลงศัตรูพืชในทุกระยะตั้งแต่ระยะไข่จนถึงตัวเต็มวัยเป็นอาหาร เรียกแมลงกลุ่มนี้ว่า “ตัวห้ำ”แมลงพวกนี้มีทั้งชนิดที่กินแมลงเพียงชนิดเดียว และชนิดที่กินแมลงได้หลายชนิด เช่น ด้วงเต่าจะจับกินเพลี้ยหอยนวมฝ้าย ส่วนแมงมุมสามารถจับกินแมลงเกือบทุกชนิด

2. แมลงศัตรูธรรมชาติที่เข้าจับกินไข่หรือตัวอ่อนแมลงศัตรูพืช เชื้อราบิวเวอร์เรีย รวมไปถึงการเข้ารุกรานหรือทำลายถิ่นที่อยู่ของแมลงศัตรูพืช เรียกแมลงกลุ่มนี้ว่า “ตัวเบียน”รูปแบบการทำลายของตัวเบียนจะเข้าทำลายแมลงศัตรูพืชทั้งชนิดเจาะจงชนิดเดียวหรือทำลายได้หลายชนิดพร้อมๆกัน เช่น แตนเบียนชนิดที่เข้าเบียนเฉพาะเพลี้ยอ่อน แตนเบียนชนิดที่เข้าเบียนหนอนกระทู้ ส่วนแมลงวันก้นขนสามารถเข้าทำลายแมลงได้หลายชนิดพร้อมกัน

3. กลุ่มของเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคในแมลง ทำให้แมลงไม่เจริญเติบโตหรือตาย เรียกว่า เชื้อโรคของแมลง ซึ่งได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา และไส้เดือนฝอย โดยปัจจุบันมีการศึกษา และพัฒนาหาเชื้อโรคแมลงที่สามารถกำจัดแมลงได้เป็นอย่างดี อาทิ ไวรัส NPV แบคทีเรีย BT เชื้อราบิวเวอร์เรีย เป็นต้น ซึ่งเชื้อเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไม่ตกค้างในธรรมชาติ สามารถเพาะขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนได้รวดเร็ว และในปริมาณมาก
 
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตร บอกว่า สารอินทรีย์ที่สกัดได้จากเมล็ดสะเดาที่สำคัญ คือสารอะซาไดแรคติน สามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันกำจัดได้หลายรูปแบบ คือเป็นสารฆ่าแมลง สารไล่แมลงทำให้แมลงไม่ชอบกินอาหาร ยับยั้งการเจริญเติบโตของแมลง การเจริญเติบโตผิดปกติทำให้หนอนไม่ลอกคราบหนอนตายในระยะลอกคราบ สารออกฤทธิ์มีผลต่อการสร้างฮอร์โมน กำจัดเพลี้ย ทำให้แมลงมีการผลิตไข่และการฟักไข่ลดน้อยลง แต่สารอะซาไดแรคตินจะมีอันตรายน้อยต่อมนุษย์และสัตว์ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืชและสภาพแวดล้อม จากการทดลองพบสารอะซาไดแรคติน มากที่สุดในเมล็ดสะเดา โดยเฉพาะสะเดาอินเดีย พบปริมาณสูงที่สุด คือ  seven.6 มก./กรัม โดยเฉลี่ย สะเดาไทยพบ six.7 มก./กรัม โดยเฉลี่ย และสะเดาช้าง (ต้นเทียม) พบ 4.0 มก./กรัม โดยเฉลี่ย 
 
สำหรับวิธีนำสะเดามาทำเป็นสารสำหรับกำจัดแมลงกรมส่งเสริมการเกษตรแนะไว้ดังนี้ ให้เอาเมล็ดสะเดาแห้งที่ประกอบด้วยเปลือกหุ้มเมล็ดและเนื้อเมล็ด มาบดให้ละเอียดแล้วนำผงเมล็ดสะเดามาหมักกับน้ำในอัตรา 1 กิโลกรัม/น้ำ twenty ลิตร โดยใช้ผงสะเดาใส่ไว้ในถุงผ้าขาวบางแล้วนำไปแช่ในน้ำนาน 24 ชั่วโมง ใช้มือบีบถุงตรงส่วนของผงสะเดา เพื่อสารอะซาไดแรคตินที่อยู่ในผงสะเดาสลายตัวออกมาให้มากที่สุด เมื่อจะใช้ก็ยกถุงผ้าออก พยายามบีบถุงให้น้ำในผงสะเดาออกให้หมดแล้วนำไปฉีดป้องกันกำจัดแมลง ก่อนนำไปฉีดแมลงควรผสมสารจับใบเพื่อให้สารจับกับใบพืชได้ดีขึ้น 
 
ควรใช้สารสกัดนี้ ฉีดพ่นในเวลาเย็นจะมีผลในการฆ่าแมลงได้ดี ใช้ฉีดพ่น 5-seven วันต่อครั้ง และควรใช้สลับกับสารฆ่าแมลงเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเป็นช่วงที่แมลงระบาดอย่างรุนแรง ต้องใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่น ซึ่งจะลดความเสียหายได้รวดเร็ว 
 
ศ.ดร.ขวัญชัย บอกไว้ว่า การเก็บและรักษาผลหรือเมล็ดสะเดาที่ถูกต้อง จะช่วยให้สารออกฤทธิ์ในสะเดามีปริมาณสูงมีผลให้สารสกัดสะเดาที่สามารถใช้ป้องกันและกําจัดแมลงศัตรูพืชได้ผลดี การเก็บและรักษาผลหรือเมล็ดสะเดาที่ไม่ดีจะเกิดเชื้อราเข้าทําลายสารออกฤทธิ์ โดยเฉพาะสารอะซาไดแรคติน
 
วิธีการที่ถูกต้องเริ่มตั้งแต่การเก็บ กำจัดศัตรูพืช ควรเก็บผลสะเดาที่ร่วงหล่นอยู่ใต้ต้น หรือ เก็บผลสุกสีเหลืองจากกิ่งก็ได้ อย่าปล่อยทิ้งผลสะเดาที่ร่วงบนดินนานเกินไป จากนั้นนํามาผึ่งแดดประมาณ two-3 สัปดาห์จนเปลือกสะเดาแห้งเป็นสีนํ้าตาลจึงนํามาผึ่งในร่มประมาณ two-four สัปดาห์ เพื่อให้เมล็ดในแห้งสนิท ขั้นตอนต่อไปคือเก็บบรรจุในถุงตาข่ายพลาสติกหรือกระสอบป่าน (ยกเว้น กระสอบปุ๋ย) ซึ่งสามารถวางซ้อนกันได้ โดยมีแผ่นไม้วางข้างล่างเพื่อป้องกันความชื้นจากดินการเก็บรักษาในลักษณะเป็นผลแห้งนี้จะนําไปใช้ได้เฉพาะการผลิตใช้เอง ไม่เหมาะที่จะนําไปผลิตเป็นอุตสาหกรรม

Report this wiki page